3813 จำนวนผู้เข้าชม |
ทำไมสมบัติโบราณถึงอยู่ใต้ดิน
ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีธนาคาร คนมีฐานะทั้งหลายต่างก็เก็บทรัพย์สมบัติมีค่าไว้ในกำปั่นหรือหีบเหล็กที่บ้าน ถ้ากลัวถูกปล้นก็ต้องแอบเอาไปฝังดินไว้ หรือยามบ้านแตกสาแหรกขาด อย่างครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ.๒๓๑๐ การจะหนีเอาชีวิตรอดก็ยากอยู่แล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหลายจึงต้องฝังไว้ใต้ดิน รอดชีวิตกลับมาจึงค่อยมาขุด
ยามนั้นใต้ดินของกรุงศรีอยุธยาจึงเกลื่อนไปด้วยทรัพย์สมบัติมีค่า
เมื่อพม่าถูกพระเจ้าตากสินขับไล่ไปพ้นเมืองแล้ว คนที่รอดตายก็กลับมาขุดสมบัติที่ตัวฝังไว้ ส่วนคนที่ไม่ได้ฝังก็ขุดเหมือนกันหาสมบัติของคนอื่น ซึ่งคนส่วนใหญ่ได้ตายไปหรือถูกกวาดต้อนเป็นเชลย ไม่มีโอกาสมาขุดสมบัติของตัวเอง กรุงศรีอยุธยายามนั้นจึงโกลาหลพอๆกับยุคตื่นทองในอเมริกา
ขุนนางหัวใสคนหนึ่ง คือ พระยาวิชิตณรงค์ เห็นทางที่จะกินรวบขุดหาสมบัติได้แต่ผู้เดียว จึงยื่นขอสัมปทานผูกขาดหาสมบัติที่ไม่มีเจ้าของ โดยจะส่งเงินเข้าหลวงปีละ ๕๐๐ บาท ซึ่งพระเจ้ากรุงธบุรีก็พระราชทานอนุญาต
แค่นี้พระยาวิชิตณรงค์ก็น่าจะรวอู้ฟู่แล้ว แต่ยังพอกับความโลภ ส่งคนออกล่าไปริบทรัพย์ของชาวบ้านอีก อ้างว่าเป็นสมบัติใต้ดินที่แอบขุดไป ทำให้เกิดความโกรธแค้นกันไปทั่ว นายบุนนาก นายบ้านแม่ลา แขวงกรุงเก่า ได้คบติดกับ ขุนสุระ ชักชวนชาวบ้านเข้าปล้นบ้านพระยาวิชิตณรงค์ ผู้รักษากรุง จับพระยาวิชิตณรงค?พร้อมกับลูกชายและกรมการเมืองฆ่าเสีย
มีผู้หนีรอดได้ไปรายงานกรุงธนบุรี พระเจ้าตากสินได้รับสั่งให้ พระยาสรรค์บุรี ซึ่งมาติดต่อราชการพอดียกกำลังไปปราบกบฎ แต่เผอิญ ขุนแก้ว ซึ่งเป็นน้องชายพระยาสรรค์บุรี ร่วมอยู่ในกลุ่มที่ปล้นบ้านพระยาวิชิตณรงค์ด้วย จึงเกลี้ยกล่อมพี่ชายว่าพระเจ้าแผ่นดินไม่เป็นธรรม ข่มเหงเบียดเบียนราษฎรเร่งเอาทรัพย์ราษฎร เมื่อแผ่นดินเป็นทุจริตดังนี้ จะละไว้ก็มิชอบ ควรจะไปตีกรุงธนบุรีจับพระเจ้าแผ่นดินสำเร็จโทษ แล้วถวายราชสมบัติแด่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก แผ่นดินจึงจะอยู่เป็นสุข มีคนเห็นด้วยเป็นจำนวนมาก พระยาสรรค์บุรีคล้อยตาม นายบุนนากกับขุนสุระจึงมอบให้พระยาสรรค์บุรีเป็นนายทัพ ยกมาตีกรุงธนบุร โดยให้ทหารใส่มงตลแดงเป็นเครื่องหมายของฝ่ายกบฏ
จดหมายเหตุกรมหลวงนรินทรเทวีเล่าเหตุการณ์ในตอนนี้ไว้ว่า
“ลุศักราช ๑๑๔๓ ปีฉลู ตรีนิศก รับสั่งให้พระยาสรรค์ไปจับผู้ร้ายที่เผาบ้านผู้รักษากรุง พระยาสรรค์ขึ้นไป น้องพระยาสรรค์เป็นกองผู้ร้าย จับพระยาสรรค์ตั้งเป็นแม่ทัพลงมา วันเสาร์ เดือน ๔ แรม ๑๑ ค่ำ เพลาตี ๑๐ ทุ่ม ตั้งค่ายมั่นลองรามัญ ยิงระดมลูกปืนตกในกำแพงเสียงสนั่นหวั่นไหว ข้างในตกใจร้องอื้ออึง ประทมตื่นคว้าได้พระแสง ทรงเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งเย็น ตรัสเรียกฝรั่งที่ประจำป้อม ฝรั่งได้รับสั่งยิงปืนใหญ่ออกไปถูกเรือข้าศึกล่ม เขาไปจับบุตรภรรยาฝรั่งมาให้ฝรั่งยิง พอรุ่งสว่างเห็นหน้าว่าเป็นใคร ฝรั่งโจนกำแพงลงไปหากัน ผู้คนเบาบางร่วงโรยนัก
เสด็จออกหน้าวินิจฉัย ทราบว่าพระยาสรรค์มาปล้นตีเมือง ให้จำภรรยากับบุตรไว้ เสด็จเข้ามาฟันตะรางปล่อยคนโทษข้างใน พระยาธิเบศร์ พระยารามัญ พระยาอำมาตย์ ต่อสู้ลากปืนจ่ารงขึ้นป้อม ข้าศึกถอยหนี เสด็จกลับออกไปมีรับสั่งห้าม ว่าสิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย พระยาธิเบศร์ พระยารามัญ พระยาอำมาตย์ มิให้สู้จะอยู่ตายด้วยเจ้าข้าวแดง”
เมื่อพระเจ้าตากสินไม่ต่อสู้แล้ว พระยาสรรค์ก็ไม่ได้บุกเข้าพระราชวัง แต่ได้นิมนต์พระราชาคณะเข้าเฝ้าถวายพระพร ขอให้ทรงบรรพชาชำระพระเคราะห์เมือง ๓ เดือน เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีซึ่งใฝ่ทางธรรมมาตลอด ได้ฟังข้อเรียกร้องเช่นนี้ ถึงกับทรงพระสรวลตบพระเพลา แล้วว่า
“เอหิภิกขุลอยมาถึงแล้ว...”
ทรงบรรพชาที่วัดแจ้ง ในวันแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ หลังอยู่ในราชสมบัติ ๑๔ ปีกับ ๔ เดือน
นั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจะกลับมาถึงกรุงธนบุรี และได้รับอัญเชิญจากขุนนางข้าราชการให้ขึ้นครองราชย์ โดยเริ่มมาจากการขุดค้นหาทรัพย์สมบัติที่ฝังไว้ใต้ดินของกรุงศรีอยุธยานั่นเอง
ขอบคุณ ที่มา MGR online